ผิดสัญญาจ้าง เรียกค่าเสียหาย

   โจทก์กล่าวในคำฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยอันเป็นการผิดสัญญาจ้างทำของ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายจากจำเลยหลายรายการ แต่โจทก์คิดเพียง400,000 บาท โดยแนบภาพถ่ายทาวน์เฮาส์ เครื่องโม่ปูนวัสดุก่อสร้างที่เหลือ บ้านพักคนงาน รวมทั้งสิ่งก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างของจำเลยที่ถนนเทพารักษ์มาท้ายฟ้องด้วยแม้มิได้บรรยายว่าโจทก์เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อใด ทำงานเสร็จไปถึงงวดที่เท่าใดวัสดุก่อสร้างที่เหลืออยู่ จำนวนและราคาเท่าใดและการว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างที่เทพารักษ์ มีหลักฐานอย่างใด ก็ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา ไม่จำต้องกล่าวในฟ้องทั้งเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ จำเลยต่อสู้คดีได้ถูกต้องแล้วคำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม   กรณีเพิ่งเริ่มงานตามสัญญา จำเลยก็ไม่ประสงค์ให้โจทก์ทำการก่อสร้าง เหตุบอกเลิกสัญญา ก็อ้างเหตุโจทก์ทิ้งงานเท่านั้น ซึ่งยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ และโจทก์เองมิได้ทอดทิ้งงาน ส่วนเรื่องโจทก์ก่อสร้างผิดแบบผิดหลักวิชาการก็รับฟังไม่ได้ ดังนี้เมื่อ สัญญาจ้างยังไม่ถึงกำหนด และจำเลยผู้ว่าจ้างเห็นว่าหากให้ โจทก์ทำการก่อสร้างต่อไปจะเกิดความเสียหายเพราะงานล่าช้างานจำเลยจะเลิกสัญญาได้ก็ต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาให้โจทก์ปฏิบัติเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387แต่จำเลยก็มิได้ทำเช่นนั้น จึงบอกเลิกสัญญาโดยเหตุดังกล่าวไม่ได้ การที่โจทก์ขอทำการก่อสร้างต่อไปและจำเลยไม่ยอมโดยว่าจ้างผู้อื่นก่อสร้างต่อไปและให้เลิกสัญญา จะถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ชอบ และต้องถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเอง   กรณีจ้างทำของเมื่อจำเลยผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกสัญญาเองโดยโจทก์ผู้รับจ้างไม่ได้ทำผิดสัญญา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 605   ส่วนค่าเสียหายที่จำเลยต้องรื้อถอนซ่อมแซมและเสียค่าก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จ เมื่อโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากโจทก์ได้   โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้ง โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งแล้ว ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้องโดยมิได้พิพากษายกฟ้องแย้งด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสีย ให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยระงับการก่อสร้างตึกพิพาทไว้ก่อนจนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุด

จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ชำระหนี้ 224,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำให้การและฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 302,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน252,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันฟังได้ว่าเมื่อเดือนเมษายน 2532 จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างให้โจทก์ก่อสร้างบ้านแบบทาวน์เฮาส์ตามแบบแปลนจำนวน 2 หลัง ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2532 ในราคารวมทั้งค่าแรงและค่าวัสดุเป็นเงิน 536,000 บาท กำหนดจ่ายเงินค่าจ้างเป็น 4 งวดตามผลงาน โจทก์ได้ดำเนินการก่อสร้างไปจนถึงงวดที่ 2ยังไม่แล้วเสร็จ โดยได้รับเงินค่าจ้างเพียง 50,000 บาทวันที่ 5 มิถุนายน 2532 จำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์และให้นายสุรวิชญ์ วงศ์พรหม เข้าไปดำเนินการก่อสร้างต่อจากโจทก์ ขณะนั้นโจทก์ยังมีเรือนพักคนงานชั่วคราว เครื่องโม่ปูน1 เครื่อง กับวัสดุก่อสร้าง เช่น อิฐ หิน ทราย ไม้แบบ และเหล็กเส้น อยู่ในบริเวณงานก่อสร้างของจำเลย

ปัญหาข้อแรกที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นเห็นว่าโจทก์กล่าวในคำฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยอันเป็นการผิดสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายจากจำเลยหลายรายการแต่โจทก์คิดเพียง 400,000 บาท โดยแนบภาพถ่ายทาวน์เฮาส์ เครื่องโม่ปูน วัสดุก่อสร้างที่เหลือบ้านพักคนงานรวมทั้งสิ่งก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างของจำเลยที่ถนนเทพารักษ์มาท้ายฟ้องด้วย แม้มิได้บรรยายว่า โจทก์เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อใด ทำงานเสร็จไปถึงงวดที่เท่าใดวัสดุก่อสร้างที่เหลืออยู่จำนวนและราคาเท่าใดและการว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างที่เทพารักษ์มีหลักฐานอย่างใด ก็ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมเพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง ทั้งเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้และจำเลยต่อสู้คดีได้ถูกต้องแล้ว คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ปัญหาข้อสองที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้นเห็นว่าจำเลยอ้างว่าโจทก์ละทิ้งงาน จำเลยจึงว่าจ้างนายสุรวิชย์ วงศ์พรหม ให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป แต่ได้ความจากคำของนายสุรวิชญ์พยานจำเลยว่าในเดือนเมษายน 2532นั้นเอง จำเลยได้ไปว่าจ้างนายสุรวิชย์ให้ไปทำการก่อสร้างบ้านตัวอย่างที่หมู่บ้านรินรดา แต่นายสุรวิชญ์เห็นว่ามีผู้รับเหมาเดิมทำงานอยู่ จึงไม่รับจ้าง แสดงว่าทั้ง ๆ ที่เพิ่งเริ่มงานตามสัญญา จำเลยก็ไม่ประสงค์ให้โจทก์ทำการก่อสร้างเหตุบอกเลิกสัญญาตามเอกสารหมาย ล.5 ก็อ้างเหตุโจทก์ทิ้งงานเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงก็ได้ความชัดว่า ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ และโจทก์เองก็ได้นำสืบว่าได้ก่อสร้างบ้านให้จำเลยโดยมีช่างทำงานอยู่ตลอดมา มิได้ทอดทิ้งงานจึงไม่พอรับฟังว่าโจทก์ทอดทิ้งงาน ส่วนเรื่องโจทก์ก่อสร้างผิดแบบผิดหลักวิชาการเช่นผสมปูนเหลวเกินไป ตั้งเสา ตั้งกำแพงตั้งวงกบเอียง ก็ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยท้วงติงหรือโต้แย้งมาก่อนทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้จ่ายเงินค่าจ้างงวดแรกให้โจทก์แล้วจึงรับฟังไม่ได้เช่นกัน เมื่อสัญญาจ้างยังไม่ถึงกำหนด และจำเลยเห็นว่าหากให้โจทก์ทำการก่อสร้างต่อไปจะเกิดความเสียหายเพราะงานล่าช้ามาก จำเลยจะเลิกสัญญาได้ก็ต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาให้โจทก์ปฏิบัติเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แต่จำเลยก็มิได้ทำเช่นนั้น จึงบอกเลิกสัญญาโดยเหตุดังกล่าวไม่ได้ การที่โจทก์ขอทำการก่อสร้างต่อไปและจำเลยไม่ยอมโดยจำเลยว่าจ้างนายสุรวิชญ์ก่อสร้างต่อไป และให้เลิกสัญญาตามเอกสารหมาย ล.5 จะถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ได้แต่เป็นเรื่องจำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ชอบ และต้องถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเอง และที่จำเลยฎีกาว่า การที่โจทก์สร้างสำนักงานชั่วคราวและวางผังสร้างตึกแถวที่ถนนเทพารักษ์โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจากบริษัทรินรดา จำกัด ซึ่งมีนายไพโรจน์ ลิมป์ทองทิพย์ เป็นกรรมการผู้เดียว ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยผิดสัญญาในการก่อสร้างตึกแถวที่ถนนเทพารักษ์ด้วย

ปัญหาที่จำเลยฎีกาเรื่องค่าเสียหายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องจ้างทำของและจำเลยผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกสัญญาเอง โดยโจทก์ผู้รับจ้างไม่ได้ทำผิดสัญญาตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 กล่าวคือ ค่าก่อสร้างงวดที่ 2 จำนวน160,000 บาท ที่โจทก์ยังทำไม่เสร็จบริบูรณ์ โดยเทพื้นชั้นสองไม่ครบ ขึ้นโครงหลังคาไม่ครบ และยังไม่ได้มุงกระเบื้องหลังคาซึ่งศาลอุทธรณ์กำหนดไว้เป็นเงิน 80,000 บาท ค่าวัสดุก่อสร้างมีอิฐมอญ 1 กอง หิน ทราย ไม้แบบ และเหล็กเส้นจำนวน 120,000 บาทเครื่องโม่ปูน จำนวน 12,000 บาท ค่าบ้านพักคนงานจำนวน20,000 บาท กับค่าก่อสร้างที่ถนนเทพารักษ์ จำนวน 20,000 บาทรวมเป็นเงิน 252,000 บาท เป็นจำนวนที่พอสมควรแล้ว ส่วนค่าเสียหายที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยต้องรื้อถอนซ่อมแซมและเสียค่าก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จ เมื่อหักค่าก่อสร้างและทรัพย์สินของโจทก์แล้วจำนวน 121,835 บาท กับค่าปรับที่จำเลยต้องก่อสร้างล่าช้าไปอีก67 วัน เป็นเงิน 100,500 บาท นั้น เห็นว่า จำเลยมิได้ทักท้วงหรือโต้แย้งให้โจทก์แก้ไขมาก่อน เมื่อโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาดังได้วินิจฉัยมาแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว แต่ที่ศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษายกฟ้องแย้งด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ฎีกาที่ 5302/2538

อำนาจปกครองบุตร ไม่จำเป็นต้องหย่าก่อน

อำนาจปกครองบุตร ไม่จำเป็นต้องหย่าก่อน

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลย ขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองของจำเลย และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองฝ่ายเดียว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้ทำการเป็นปรปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา โจทก์ไม่อาจฟ้องหย่าได้ จำเลยยังประสงค์อยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ และแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องแย้งว่า หากศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดกัน ขอให้บุตรทั้งสองอยู่ในอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ให้จำเลยมีอำนาจปกครอง ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองนั้น แสดงให้เห็นถึงเจตนาแท้จริงตามฟ้องแย้งจำเลยว่า ไม่ประสงค์หย่ากับโจทก์และยืนยันว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง โจทก์ในฐานะบิดามารดามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ว่าโจทก์จำเลยยังคงเป็นสามีภริยาหรือหย่าขาดกันแล้วหรือไม่ กรณีมีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับโจทก์หรือจำเลยตามมาตรา 1566 (5) ไม่ว่าโจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากกันหรือไม่เช่นเดียวกันแม้ศาลจะมิได้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน โจทก์ก็ยังคงมีหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวได้ หาใช่ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลชั้นต้นดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัย จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ขอให้โจทก์ปฏิบัติตามฟ้องแย้งได้

ที่มา:  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10769/2558

Counter Widget

News: Driver killed, 6 students injured in van-truck collision in eastern Thailand

BANGKOK, Nov. 23 (Xinhua) -- A driver was killed and six female students injured when the van they were traveling in hit the rear of an 18-wheel trailer truck in Thailand's eastern province of Chonburi on Saturday.

Thai police told the media that rescue workers retrieved the body of the driver who died on the spot.

Six passengers, including one university student and five high-schoolers, were hurt and rushed to nearby hospitals, Thai media reported.

Police said the 18-wheel trailer truck loaded with steel rods, suffered little damages at its rear. No one was injured in the trailer truck.

Souce:  Xinhua

Tort: Prescription

การฟ้องคดีของโจทก์ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงย่อมเป็นคุณเฉพาะแก่ฝ่ายโจทก์ หาได้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองซึ่งฟ้องแย้งด้วยไม่ เมื่อจำเลยทั้งสองฟ้องแย้งพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2536/2556

Lawyer - Definition

	1. one who represents people in a court of law or advises them on legal matters, barrister, attorney 2. Chief law-enforcement officer of a state and legal adviser to the chief executive. The office dates to the Middle Ages but did not assume its modern form until the 16th century. In the U.S., the position dates to the Judiciary Act of 1789. Head of the Department of Justice and a member of the cabinet, the attorney general oversees all the government's law business and acts as the president's legal adviser. Every United States state also has an attorney general.
	3. Authorization to act as agent or attorney for another. Many of the general powers of attorney important in civil-law countries come under the powers of trust in common-law countries. Durable power of attorney becomes effective when the principal becomes unable to manage his or her affairs; general power of attorney authorizes the agent to carry on business for the principal; special power of attorney authorizes the agent to carry out a particular business transaction.
	4. attorney; Person trained and licensed to prepare, manage and either prosecute or defend a court action as an agent for another and who also gives advice on legal matters that may or may not require court action. Legal practice varies from country to country. In Britain, for example, lawyers are divided into barristers and solicitors. In the United States attorneys often specialize in limited areas of the law (e.g., criminal law, divorce, or probate). In France the most important type of legal professional is the avocat, roughly comparable to the English barrister. In Germany the chief distinction is between lawyers and notaries.
	5. one trained and licensed to prepare, manage and either prosecute or defend a court action as an agent for another and who also gives advice on legal matters that may or may not require court action. The lawyer applies the law to specific cases. He investigates the facts and the evidence by conferring with his client and reviewing documents and he prepares and files the pleadings in court. At the trial he introduces evidence, interrogates witnesses and argues questions of law and fact. If he does not win the case, he may seek a new trial or relief in an appellate court. In many instances, the lawyer can bring about the settlement of a case without trial through negotiation, reconciliation and compromise. In addition, the law gives individuals the power to arrange and determine their legal rights in many matters and in various ways, as through wills, contracts or corporate bylaws and the lawyer aids in many of these arrangements. During the 20th century a rapidly developing field of work for lawyers has been the representation of clients before administrative committees and courts and before legislative committees. A lawyer has several loyalties in his work. They include that to his client, to the administration of justice, to the community, to his associates in practice and to himself. When these loyalties conflict, the standards of the profession are intended to effect a reconciliation. Legal practice varies from country to country. In England lawyers are divided into barristers, who plead in the higher courts and solicitors, who do office work and plead in the lower courts. In the United States attorneys often specialize in limited areas of law such as criminal, divorce, corporate, probate or personal injury, though many are involved in general practice. In France numerous types of professionals and even nonprofessionals handle various aspects of legal work. The most prestigious is the avocat, who is equal in rank to a magistrate or law professor. Roughly comparable to the English barrister, the avocat's main function is to plead in court. In France, as in most civil-law countries, the examination of witnesses is conducted by the magistrate rather than the attorney as in common-law countries. In the avocat's pleading, he develops his argument and points out discrepancies in the testimony of witnesses; this is the primary means open to the avocat to persuade the court on legal and factual points. Formerly, in addition to the avocats, there were also avous and agrs; the former represented litigants in all procedural matters except the oral presentation, prepared briefs and negotiated settlements, while the latter, few in number, were responsible for pleading in certain commercial courts. Today the distinction between avous and avocats has been abolished in all but the appellate courts, where avous continue to practice as before. In addition to these professional groups there are nonprofessional legal counsellors who give advice on various legal problems and are often employed by business firms. In almost all civil-law countries there are notaries , who have exclusive rights to deal with such office work as marriage settlements and wills. In Germany the chief distinction is between lawyers and notaries. The German attorney, however, plays an even smaller courtroom role than the French avocat, largely because presentations on points of law are limited and litigation is often left to junior partners. Attorneys are often restricted to practice before courts in specific territories. There are further restrictions in that certain attorneys practice only before appeals courts, often necessitating a new attorney for each level of litigation. In Germany lawyers are employed in the administration of government to a greater extent than in common-law countries. In communist countries lawyers are widely used as advisers to government bureaus but have far less scope in representing individuals.
	6. US also attorney (n) someone whose job is to give advice to people about the law and speak for them in court, esp. (UK) a solicitor The General's lawyer welcomed the judge's ruling. Jane Coker, lawyer for a number of those detained, said yesterday that she would be making applications for habeas corpus. See study section: Law
	7. A person that has been trained in the law and that has been certified to give legal advice or to represent others in attorney - Lawyer - Lawyer

Criminal case, if the accused died during the Supreme Court's trial. The Right to bring a criminal prosecution will be suspended

  คดีอาญา  จำเลยถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกา  สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (1)  จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ  สำหรับคดีส่วนแพ่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42  หากครบกำหนดหนึ่งปีนับแต่จำเลยถึงแก่ความตาย  ไม่มีบุคคลใดร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนหรือเข้ามาตามหมายเรียกของศาลก็ให้ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

Criminal case,  if the accused died during the Supreme Court's trial. The Right to bring a criminal prosecution will be suspended by the criminal code Section 39 (1) provides that the distribution of the directory. For the case to the civil court action by the Civil Procedure Code, Article 42, if the expiry of one year from the defendant to death. No person may become a party to, or instead of a summons by a court of first instance was the case of the directory.

Thai Lawyer Qualification

According to Thailand Lawyers Act, B.E. 2528 (1985)

Section 35

Lawyer License:

An applicant for registration and a License shall have the following qualifications:

 (3) Having graduated with a Bachelor's Degree or an Associate Degree in law or a

certificate in law equivalent to the Bachelor's Degree or Associate Degree From

an educational institution accredited by the Law Society and being a member of

the Thai Bar Association.

In Thailand the lawyer doesn’t need to pass the bar examination like in the U.S.A. or England. Therefore, many Thai lawyers might not have enough skill and knowledge. This is dangerous for the people who using the services.

พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถานได้หรือไม่

คำถาม   พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถานได้หรือไม่

คำตอบ   มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยได้ดังนี้

คำพิพากษาฎีกาที่  8722/2555  ตาม ป.วิ.อ. มาตรา  93 บัญญัติว่า “ ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด ” แสดงว่าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถานไม่ได้ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าว ปรากฏว่าจุดที่จำเลยนั่งโทรศัพท์อยู่ริมถนนเป็นบริเวณหน้าสนามเด็กเล่นอยู่บทถนนสุทธาวาส ส่วนซอยโรงถ่านอยู่ริมคลองวัดโล่ หรือคลองชลประทาน แสดงว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุทธาวาส ไม่ได้อยู่หลังโรงถ่านตามที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นประจำแต่อย่างใด และ และทางพิจารณาก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยมีท่าทางพิรุธนอกจากจำเลยนั่งโทรศัพท์อยู่ริมถนนสุทธาวาสเท่านั้น การที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่าเกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้นโดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันสมควรสงสัยตามกฎหมายดังกล่าวที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

BUDDHIST LAW

BUDDHIST LAW

Several questions need to be answered in the present context

surrounding the notion of Buddhist Law as a religious law. The

first question relates to Buddhism itself as a religion. Most

Buddhists regard the teachings of the Buddha as their religious

guidance and principles to observe. Some consider Buddhism as a

philosophy, a practical way of life. Although Buddhism may be

different from other religions of the world in that the conception

of a supreme being such as God is singularly absent from the central theme 

of the Buddha's teachings,  nonetheless, Buddhism is generally regarded 

as a religion by historians and missionaries alike.

By nature, Buddhists are modest and moderate. There are very

few fundamentalists, fanatics or extremists who truly are not

faithfully practicing Buddhism which advocates moderation and the

middle path, maj ima pada or via media.If Buddhism were not

counted as a religion, then billions of earthlings who are

Buddhists would be deemed without religion. On the other hand, it

is not untrue that a person holding the Buddhist faith can also

learn and appreciate, or tolerate and practice other faiths without

violating any Buddhist principle. Taking into account special

characteristics of Buddhism, we are persuaded that Buddhism is a

religion in human history since 600 B.C. and is likely to remain

with us for the foreseeable future.

The next question to be asked in connection with Buddhist Law

qua law is whether the religious principles derived from the

teachings of the Buddha are truly law in the sense that they are

recognized as binding in the Buddhist community and not as mere

moral precepts.

The teaching of the Buddha as recorded in the TIPITAKA (Pali)

or TRIPITAKA (Sanskrit) or TRAI PIDOK (Thai)  are divided into

three main parts (or baskets or tables as in the Law of the Twelve

Tables of Rome). They are (1) the Vinaya; (2) the Sutta (also

Suttanta) and (3) the Abhidhamma. The records were kept in Pali,

a dialect of Sanskrit, spoken by the Buddha and came to be known as

the Pali canons. The Buddha's use of Pali represents a break from

the Indian Hindu Brahmin tradition. Buddha was born a Hindu prince

and Buddhism has arisen out of Hindu tradition, but since its

inception, Buddhism has followed its own independent direction.

Sanskrit was the classical language of the Brahmins in India.

Its earliest form was Vedic (circa 1500-200 B.C.) and it is in this

language that the ancient scriptures of Hindu laws were recorded.

There is a large body of literature including the Vedas, the RigVedas,

the Upanishads, and the Bagavad Gita and the tales of the

Ramayana and the Mahabarata. After the Pali Sutras were lost in

India, they were rediscovered in Sri lanka and translated into

Sanskrit, returning to India and eventually travelling the northern

route going over Tibet and China, through Korea and Japan. There

are variables between Sanskrit and the original Pali scripts, such as Dharma (Sanskrit) for Dhamma (Pali) and Nirvana (Sanskrit) for

Nibbana (Pali) It will be seen that in the Thai language, both

Sanskrit and Pali renderings are used in the official Thai

language. In the Thai Buddhist temples, however, the chanting and

prayers are all conducted in Pali, the spoken language of the

Buddha, keeping as close as possible to the Teachings of the

Elders, or Theravada Buddhism.

The Vinayapi taka is devoted exclusively to the rules and

regulations formulated by the Buddha for the monastic conduct,

rites and ceremonies to be followed by the Orders of the Bhikkus

(monks) and Bhikkunis (female monks).~ They are divided into five

main sections and are comparable, broadly speaking, to the laws and

social norms of secular society.

True it is that the Vinaya lacks some of the elements in the

modern legal system from the perspective of the Western world.

There is no Court of Appeal, no prison wardens, no bailiffs to

compel or enforce compliance with the verdict of monastic peers,

while the most serious offenses are punishable with a form of

capitis diminutio (defrocking or derobing of a monk) The Vinaya

is nonetheless law, if only for application within the religious

Order, with inevitable repercussion for serious offenses in the

secular world. The Buddhist religious Order is a well-organized

monastic community, self -disciplined, autonomous and law abiding. 

The Suttapitaka is a collection of Sutras and dialogues of the

Buddha with his various disciples, !OJ while the Abhidharmna

constitutes a more purely philosophical elaboration of the sayings

and teachings of the Buddha. llJ They are not law in the sense of

the secular law in force in a given society, but constitute

nevertheless a code of conduct, a model of peaceful living for the

Buddhist community.

Three objects of the highest veneration 1n Buddhism are the

Buddha, the Dharmna and the Sankha, the three constituting the

RATANATTAYA or the Holy Triple Gem comparable in some respect to

the Holy Trinity. 

Source: Sucharitkul, Sompong, "Thai Law and Buddhist Law" (1998),
GOLDEN GATE UNIVERSITY
SCHOOL OF LAW

ออกหมายจับแล้ว บ้านบางบัวทอง 6 คน ซ่องโจร-อนาจาร "น้องเดียร์"

ออกหมายจับแล้ว บ้านบางบัวทอง 6 คน ซ่องโจร-อนาจาร "น้องเดียร์"

ข่าวทั่วไทย

ไทยรัฐออนไลน์26 ก.ย. 2562 15:29 น.

SHARE

ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ยื่นศาลนนทบุรี ขอออกหมายจับ บุคคลในปาร์ตี้บ้านบางบัวทอง กรณี "น้องเดียร์" พริตตี้อีกคน แจ้งตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยกาย แจ้งข้อหาซ่องโจร ร่วมกันกระทำอนาจาร 6 คน

วันที่ 26 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลในปาร์ตี้ “บ้านบางบัวทอง” กรณี "น้องเดียร์" พริตตี้ที่ถูกละเมิดก่อนเกิดเหตุการณ์กับ ลันลาเบล เข้าแจ้งความร้องทุกข์ โดยขอออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 6 คน ในความผิดฐานซ่องโจร และร่วมกันกระทำอนาจาร

ต่อมา เวลา 13.00 น.ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยพล พรรณา หรือคิว อายุ 29 ปี นายนที สถิตพงษ์สถาพร หรือทิว อายุ 33 ปี น.ส.พิกุลทอง บุญตา หรือเพริส อายุ 24 ปี นายโกเมศ ฤทธิ์นิธิฤกษ์ หรือปิงปอง อายุ 35 ปี นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ โนบิ อายุ 27 ปี และ น.ส.พัทธนันท์ รักษากุล หรือปีใหม่ อายุ 26 ปี ในข้อหาซ่องโจร และร่วมกันกระทำอนาจาร ซึ่งเบื้องต้นได้เชิญตัวผู้ต้องหา มาที่สภ.บางบัวทองแล้ว ขาดเพียงนายโนบิ ซึ่งติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ลันลาเบลช่าวเด่นลัลลาเบลน้ำอุ่นปาร์ตี้ปาร์ตี้บางบัวทองข่าวทั่วไป

News: Justice Ginsburg wins $1M prize for ideas that 'have profoundly shaped human self-understanding'

U.S. Supreme Court Justice Ruth Bader Ginsburg has been awarded a $1 million prize for her work pioneering gender equality and strengthening the rule of law.

Ginsburg will receive the 2019 Berggruen Prize for Philosophy & Culture, according to an Oct. 23 press release, the New York Times and the Washington Post. The annual award honors a person “whose ideas have profoundly shaped human self-understanding and advancement.”

Ginsburg will donate the prize money to charity.

Ginsburg was selected from more than 500 nominees and five finalists.

The Berggruen Institute, which was founded by billionaire philanthropist Nicolas Berggruen, has awarded the prize since 2016.

Source: ABA JOURNAL, BY DEBRA CASSENS WEISS, OCTOBER 23, 2019, 1:43 PM CDT

รถยนต์หายในห้างสรรพสินค้า ห้างฯรับผิด

ฎีกาที่ 7471/2556

ย่อสั้น

จำเลยเป็นห้างสรรพสินค้าขายปลีกและขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค ย่อมต้องให้ความสำคัญด้านบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเกี่ยวกับสถานที่จอดรถซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่น ๆ หรือไม่ แม้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 8 (9), 34 บัญญัติให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารต้องจัดให้มีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การจราจร แต่จำเลยยังต้องคำนึงและมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของลูกค้าทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน มิใช่ปล่อยให้ลูกค้าระมัดระวังหรือเสี่ยงภัยเอาเอง การที่จำเลยเคยจัดให้มีการแจกบัตรสำหรับรถของลูกค้าที่เข้ามาในห้างซึ่งเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรัดกุม เพราะหากไม่มีบัตรผ่าน กรณีจะนำรถยนต์ออกไปจะต้องถูกตรวจสอบโดยพนักงานของจำเลย แต่ขณะเกิดเหตุกลับยกเลิกวิธีการดังกล่าวเสียโดยใช้กล้องวรจรปิดแทน เป็นเหตุให้คนร้ายสามารถเข้าออกลานจอดรถห้างฯ ของจำเลยและโจรกรรมรถได้โดยง่ายยิ่งขึ้น แม้จำเลยจะปิดประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ รวมทั้งการที่ลูกค้าก็ทราบถึงการยกเลิกการแจกบัตรจอดรถ แต่ยังนำรถเข้ามาจอดก็ตาม ก็เป็นเรื่องข้อกำหนดของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดในการทำละเมิดของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 200,475 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 198,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกบริษัททีเคเอสเซฟตี้การ์ด จำกัด เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยร่วมให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วม ร่วมกันใช้เงินจำนวน 198,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นวันฟ้องต้องไม่เกิน 2,475 บาท กับให้จำเลยและจำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท 

จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การที่รถยนต์ของ นายวินัยสูญหายเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีฐานะเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการห้างสรรพสินค้าขายปลีกและขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ดังนี้ ลูกค้าที่มาใช้บริการยังสาขาต่าง ๆ ของจำเลย รวมทั้งสาขาลำลูกกาที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นผู้ที่มาอุดหนุนสินค้าของจำเลย จำเลยย่อมต้องให้ความสำคัญด้านบริการไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้า ความปลอดภัย ความสะดวกสบายเพื่อสร้างความพึงพอใจและดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการและซื้อสินค้า อันจะส่งผลต่อรายได้ของจำเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเกี่ยวกับสถานที่จอดรถนับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่น ๆ หรือไม่ หากจำเลยจัดสถานที่จอดรถไว้กว้างขวางมีปริมาณเพียงพอสะดวกสบายย่อมดึงดูดลูกค้าให้เข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทั้งตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 8 (9), 34 ยังได้บัญญัติให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารต้องมีพื้นที่จอดรถ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การจราจร จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งจำเลยเองก็ยอมรับว่าการจัดสถานที่จอดรถของจำเลยเป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดีจำเลยยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าทั้งในชีวิตและทรัพย์สินและมีหน้าที่ดูแลด้วยตามสมควร มิใช่ปล่อยให้ลูกค้าระมัดระวังหรือเสี่ยงภัยเอาเอง ได้ความจากนายชานุ หัวหน้าฝ่ายป้องกันการสูญหายของจำเลยสาขาลำลูกกาเบิกความว่า รถยนต์ของนายวินัยหายไปขณะจอดอยู่ในลานจอดรถของจำเลย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา และเบิกความตอบคำถามค้านทนายโจทก์ว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยได้จัดให้มีการแจกบัตรสำหรับรถของลูกค้าที่เข้ามาในห้างของจำเลย แต่ขณะเกิดเหตุยกเลิกไปแล้ว โดยใช้กล้องวงจรปิดแทน แสดงให้เห็นว่าเดิมจำเลยเคยใช้วิธีการแจกบัตรสำหรับรถของลูกค้า ซึ่งเป็นวิธีที่มีการตรวจสอบการเข้าออกของรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าของจำเลยโดยพนักงานและค่อนข้างรัดกุมเพราะหากไม่มีบัตรผ่านเข้าออก กรณีจะนำรถยนต์ออกไปจะต้องถูกตรวจสอบโดยพนักงานของจำเลย แต่จำเลยกลับยกเลิกวิธีการดังกล่าวเสีย เป็นเหตุให้คนร้ายสามารถเข้าออกจากลานจอดรถห้างสรรพสินค้าของจำเลยและโจรกรรมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น การที่รถยนต์ของนายวินัยสูญหายขณะที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของจำเลยจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลย และที่จำเลยปิดประกาศไว้ว่า จะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ ก็เป็นเรื่องข้อกำหนดของจำเลยแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลย และการที่นายวินัยหรือลูกค้าซึ่งทราบถึงการยกเลิกการแจกบัตรจอดรถ แต่ยังคงเข้ามาจอดรถเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่นที่ห้างสรรพสินค้าของจำเลยจะถือว่าเป็นการเสี่ยงภัยเองของนายวินัยดังที่จำเลยอ้างมาในฎีกานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักให้รับฟังได้มากกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่รถยนต์ของนายวินัยสูญหายไปเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า โจทก์รับช่วงสิทธิมาฟ้องจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862 บัญญัติ คำว่า "ผู้รับประโยชน์" ท่านหมายความว่า บุคคลผู้จะพึงได้รับค่าสินไหมทดแทน หรือรับจำนวนเงินใช้ให้และบัญญัติในวรรคท้ายอีกว่า ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์จะเป็นบุคคลคนเดียวกันก็ได้ ดังนี้ จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว แสดงว่าสาระสำคัญในสัญญาประกันภัยประกอบด้วยคู่สัญญาอย่างน้อยสองฝ่าย ได้แก่ ผู้รับประกันภัยและผู้เอาประกันภัย ส่วนผู้รับประโยชน์จะมีหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ หากไม่ระบุผู้รับประโยชน์ไว้ ก็ต้องถือว่าผู้เอาประกันภัยในฐานะคู่สัญญาประกันภัยเป็นผู้รับประโยชน์ เมื่อกรมธรรม์ประกันภัย นายวินัยเป็นผู้เอาประกันภัย จึงเป็นผู้รับประโยชน์ตามบทบัญญัติของกฎหมายข้างต้น ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของนายวินัยที่ถูกคนร้ายลักไป เมื่อได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทกรุงไทย ออโต้ลีส จำกัด เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นายวินัยเช่าซื้อมาโดยความยินยอมของนายวินัย จึงรับช่วงสิทธิของนายวินัยผู้เอาประกันภัยในอันจะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ตนได้ชดใช้จากจำเลยผู้ทำละเมิดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมานั้นสูงเกินส่วนหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า รถยนต์ของนายวินัยเป็นรถเก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่ใช่รถใหม่ป้ายแดง นายวินัยใช้รถมาแล้วประมาณ 3 ถึง 4 ปี ได้รับวงเงินประกันภัยไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านการใช้งานหนักและเสื่อมสภาพ ค่าเสียหายจึงไม่เกิน 100,000 บาท โจทก์มิได้หักค่าเสื่อมราคาของรถจึงไม่ชอบนั้น ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยกลับไม่นำสืบรายละเอียดให้ได้ความตามที่อ้างมาในคำให้การและในฎีกา เมื่อโจทก์มีหลักฐานว่าได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทกรุงไทย ออโต้ลีส จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นจำนวนเงินในวงเงินที่เอาประกันภัยไว้ จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ได้ชำระไปแล้วได้ ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

News: Kasem wins favourable Appeal Court ruling in his case accusing son of fraud in share transfer

The Appeal Court on October 16 overruled the lower court’s decision to reject a petition by Kasem Narongdej accusing his son Nop and Nop's mother-in-law, Khunying Korkaew Boonyachinda, of allegedly using fake documents for the transfer of shares of Wind Energy Holding (WEH).

The Criminal Court, on November 31 last year, had dismissed Kasem’s complaint against Nop, Khunying Korkaew, and an associate.
In August last year, Kasem, the co-founder of KPN Group, had approached the Criminal Court accusing Nop, Khunying Korkaew, as well as Surat Joncharaporn, the director of a Hong Kong-based firm Golden Music Ltd, for allegedly collaborating and using fake documents featuring Kasam’s “forged signature” to transfer 99.99 per cent shares of Golden Music to Khunying Korkaew.
Golden Music has a 37.8 per cent stake in WEH.
Source: The Nation 

A Crime

Crimes have elements, and these elements are always present regardless of what crime is committed.  A crime consists of:

1.       the actus reus (an external element also known as the guilty act or the prohibited conduct)

2.       the mens rea (an internal element also known as the guilty mind)

 

Actus non facit reum nisi mens sit rea is a maxim which succinctly captures the whole essence of criminal law. It roughly translates to “an act is not guilty unless the mind is equally guilty”. There cannot be a crime if one element is missing.

 

Once it is established that both the internal and external element are present, one will then turn to the defences, specifically the lack thereof. The accused’s lawyers must show a proper defence to mitigate the charge against him. If none can be shown, the person can then be properly punished.

Source: Criminal Law, SS Production App.

Thai child trafficker sentenced to record 374 years in jail

BANGKOK (Thomson Reuters Foundation) - A Thai trafficker was sentenced to a record 374 years in jail for child trafficking in a ruling that lawyers say will send a deterrent to other criminals.

Yuttana Kodsap, 31, was found guilty of child trafficking for the purpose of pornography after he lured children aged 7-12 to play computer games at his house where he filmed sexual acts with them and sold the videos on a chat app, police said.

A court in Thailand's southern province of Phang Nga sentenced him to 374 years in jail for his crimes and ordered him to pay 800,000 Thai baht ($26,000) in compensation to each of the five victims, according to court documents provided to the Thomson Reuters Foundation by the Court of Justice.

The case was the second trafficking case in Thailand in which offenders were sentenced to more than 300 years in jail. Last year the criminal court sentenced three men to up to 309 years each for trafficking children for prostitution.

In both cases, courts capped the imprisonment period at 50 years in accordance with Thai law.

Papop Siamhan, an independent lawyer with expertise in human trafficking, said child prostitution cases resulted in long prison sentences because they often involved several laws and many children.

"Long prison sentences will act as a deterrent because people will be afraid to commit such crimes, and it will also result in authorities and judges being more careful when handling such cases," he said. 

Earlier this year the United States praised Thailand for sentencing convicted traffickers and complicit officials to significant prison terms in its annual Trafficking in Persons (TIP) report.

Thailand was ranked as a Tier 2 country in the report, meaning it is making significant efforts to combat the crime.

Since January this year, courts have handed down 170 prison sentences in trafficking cases of which 74 were sentences of more than 10 years,according to the Court of Justice.

Archana Kotecha, Asia region director and head of legal at anti-slavery charity Liberty Shared, said long sentences can be effective deterrents when they are addressed at kingpins in trafficking cases and not low level offenders.

But she said this must be accompanied by seizure of assets which should be used to pay compensation to victims.

"Deterrence aimed at the freedom and assets of offenders is likely more effective and holistic as it takes into account the need to compensate victims for what they have endured and removes the commercial gain made by the offender," she said.

Source: Thaivisa, by Nanchanok Wongsamuth, Guilbert, Editing by Belinda Goldsmith. Please credit the Thomson Reuters Foundation

Lex

lex

‘Law’

The many forms of law each have their own Latin terms, commonly seen are:

·         lex aeterna ‘Eternal law’ – Law made by the will of God, which is the rational guidance of all things by the Almighty. Classical natural law in jurisprudence places this as the highest form of law.

·         lex commissoria – Forfeiture clause for non-performance of a contract, especially (1) a provision that a pledge shall be forfeited if a loan is defaulted, or (2) a condition that money paid on a contract of sale shall be forfeited and the sale rescinded if outstanding payments are defaulted. Also known as a pactum commissorium.

·         lex causae ‘The law applicable to the dispute’  – The legal system selected by the court to govern the matter, where there is a conflict of laws

·         lex celebrationis ‘The law of celebration’  – Law of marriage

·         lex contractus ‘The law which governs a contract’

·         lex communis ‘Common law’  – Alternate form of ius commune. Refers to common facets of civil law that underlie all aspects of the law.

·         lex divina ‘Divine law’ – Law revealed to humans by the Scripture. Second highest form of law in classical natural law.

·         lex domicilii ‘The law of his domicile’ – Used by UK as a connecting factor where there is a conflict of laws. Cf. lex patriae

·         lex fori ‘The law of the court in which the trial is taking place’

·         lex humana ‘Human law’ – Classical natural law in jurisprudence regards this as the lowest form of law.

·         lex incorporationis ‘The law of incorporation’  – Regarding companies and shared

·         lex lata ‘The law borne’ – The law as it has been enacted.           

·         lex loci ‘The law of the place’ – The law of the country, state, or locality where the matter under litigation took place.

·         lex loci actus  ‘The law of the place of the act’  – The law of the place where the act was done

·         lex loci celebrationis ‘The law of the place where the contract is made’

·         lex loci delicti ‘The law of the place of delict’  – The law of the place where the tort was committed

·         lex loci solutionis  ‘The law of the place of the solution’  – The law of the place where a payment or performance of a contract is to be made

·         lex mercatoria  ‘The law of the merchant’  – The body of commercial law used by merchants throughout Europe during medieval times.

·         lex naturalis ‘Natural law’ – The participation of rational creatures in the eternal law, as they are given an amount of divine reason and are able to control their actions and the actions of others. Ranks above lex humana.

·         lex patriae ‘The law of nationality’  – Civil law jurisdictions use this as a connecting factor in cases where there is a conflict of laws. Cf. lex domicilii

·         lex posita ‘Positive or posited law’ – Law that is made

·         lex protectionis ‘The law of protection’  – Regarding the legal protection of an intellectual property right

·         lex scripta  – ‘Written law/codified law’

·         lex situs ‘The law of the site’ – Refers to the law of the place where land or some other thing is situated

 Source: SS Production, App.

        

Seven Thai female drug smugglers

Sanook reported that seven Thai women had been caught at Fukuoka airport in Japan trying to smuggle drugs.

Drug enforcement personnel and customs found more than a kilo of drugs that the women had shared between them and hidden in bags in their panties and other parts of their bodies. 

They had bought their tickets from a guide and appeared to be travelling on a group tour. 

They based their story on a Facebook post by Jaisuksakuldee Thanakorn who said that translators and a lawyer were helping the women who were due to appear in court. 

It happened around the end of last month. It remains to be seen what sentence they receive. What drug it was has not been revealed.

Also this month Sanook noted that a Thai woman had been stopped trying to enter Japan with cocaine. 

The media said that incidents like these may well have a detrimental effect on Thais travelling to Japan. 

Source: thaivisa forum

Abduct

(1) To take or carry away a person illegally by force or persuasion. (2) To take away or detain unlawfully a female, intending to force her into marriage, concubinage, or prostitution. (3) For a woman to entice a husband to abandon his wife for her. abduction. See also kidnap, alienation of affections.

Anti-narcotics police seize ฿15 million cash and uncover huge money laundering operation

In multiple raids in Samut Prakan and Nonthaburi provinces yesterday, narcotic suppression officials seized about 15 million baht in cash and many valuables. They also uncovered several bank accounts, allegedly detailing drug money transfers totalling more than one billion baht.

Pol Lt-Gen Chinnapat Sarasin, commissioner of the Anti-Narcotics Bureau, said today (Wednesday) that police are looking for a couple, Mr. Naruphon and Ms. Patthama, who are suspected of laundering drug money for gangs, including the Mun Took Med gang, allegedly led by Pannawat “Ko Kae” (surname not disclosed) who is believed to be hiding in Myanmar.

In the raid, on a luxury house in a high-end housing estate in Bang Muang district of Samut Prakan province, the officials found 6.5 million baht in stacks of 1,000 baht bills stuffed in a suitcase on the ground floor and another 3 million baht in the couple’s bedroom, together with many luxury wristwatches and brand-name bags.

A subsequent search, of the house of a relative of Naruphon, uncovered 5.5 million baht in cash stuffed in a washing machine.

Pol Lt-Gen Chinnapat said yesterday’s raids followed the arrests of two men in Phitsanuloke province in September and the seizure of 500,000 methamphetamine tablets.  The subsequent investigation followed the trail of the gang to Mr. Naruphon, who is believed to be the chief financier and allegedly responsible for laundering drug money for several drug gangs.

Visit website

Source: Thai PBS World / Kitipat Chuensukjit 

News: 3 underage sex workers rescued in raids on 2 Ang Thog karaoke joints

Ronnarong Thipsiri, head of the Department of Provincial Administration's investigation and suppression division and Sakda Bandasak, sheriff of Ang Thong’s Muang district held a press conference on Monday (October 14) to announce the results of recent raids on a karaoke restaurant and a karaoke massage parlor in Ang Thong province, which were allegedly using under-age girls as prostitutes.
Visit website

Source: NationThailand.com - News

Abrogate: meaning

To repeal, revoke, or end; particularly applies to laws, rights, orders, or formal agreements.

Natural Law: History

The use of natural law, in its various incarnations, has varied widely throughout history. There are a number of theories of natural law, that differ from each other with respect to the role that morality plays in determining the authority of legal norms. This article deals with its usages separately rather than attempt to unify them into a single theory.

Source:  Philosophy of law (“Application”) for mobile devices created by Kirill Sidorov.

News:Immigration police use biometric system to nab 3 fake passport holders

Pol Lt-General Sompong Chingduang, the Immigration Bureau commander, announced on Wednesday (October 9) that a total of three foreigners were stopped at Suvarnabhumi Airport in September after the biometric system revealed they had committed passport fraud.

“In the first case, immigration police arrested an Iranian man aged about 47 years holding a French passport and travelling from Germany to Thailand,” he said. “The biometric scanning showed only a 19-per-cent match between his face and passport photo, so we took him into custody.”

The man later confessed that he had bought the fake passport at a train station in France for 520 Euro (Bt17,300) to travel to Thailand and later to Japan to find a job.

The second case happened on the night of September 25, when the police arrested an unidentified Chinese man aged around 57 years holding a Myanmar passport. “The biometric scan identified that his passport’s Machine Readable Zone (MRZ) had been altered,” Sompong said. “The suspect later confessed that he bought the counterfeit passport from Rangoon for MMK 25,000 (Bt500) to travel to Thailand.”

Source: The Nation

Natural Law : Judaism

Those who see biblical support for the doctrine of natural law often point to Abraham's interrogation of God on behalf of the iniquitous city of Sodom. Abraham even dares to tell the Most High that his plan to destroy the city (Genesis 18:25) would violate God’s own justice: “That be far from Thee to do after this manner, to slay the righteous with the wicked, that so the righteous should be as the wicked; that be far from Thee; shall not the Judge of all the earth do justly?" This almost Socratic reply became for later writers the beginnings of natural rights theory. In this respect, natural law as described in the interaction between Abraham and God predates the later Greek exposition of it by Plato, Socrates, and Aristotle.

However, an even earlier set of laws is attributed to the Seven Laws of Noah. The seven Noahide laws as traditionally enumerated are the following:

Not to worship idols.
Not to curse God.
To establish courts of justice.
Not to commit murder.
Not to commit adultery or sexual immorality.
Not to steal.
Not to eat flesh torn from a living animal.
According to the Genesis flood narrative, a deluge covered the whole world, killing every surface-dwelling creature except Noah, his wife, his sons and their wives, and the animals taken aboard Noah's Ark. According to this, all modern humans are descendants of Noah, thus the name Noahide Laws in reference to laws that apply to all of humanity. After the flood, God sealed a covenant with Noah with the following admonitions ( Genesis 9):

Flesh of a living animal: "Only flesh with the life thereof, which is the blood thereof, shall ye not eat.” (9:4)
Murder and courts: "And surely your blood of your lives will I require; at the hand of every beast will I require it; and at the hand of man, even at the hand of every man's brother, will I require the life of man. Whoso sheddeth man's blood, by man shall his blood be shed; for in the image of God made He man." (9:5-6)

Source: Philosophy of Law App.by Kirill Sidorov

Counter Widget

News: Civil society group demands transparent investigation into judge’s suicide attempt

The Cross-Cultural Foundation has urged the Court of Justice to transfer all persons related to judge Khanakorn Pianchana’s supposed statement from their current posts and sought a comprehensive investigation into allegations of interference in the independence of a judge.

The foundation’s statement on Sunday (October 6) came in response to judge Khanakorn’s attempted suicide, alleging interference in his judgement in a criminal case that he was hearing. The judge reportedly shot himself in the Yala courtroom, apparently to protest against interference by his supervisor judges.

The foundation’s statement cited a 25-page statement reportedly published by Khanakorn on his Facebook before it was removed. The judge’s statement reportedly described his difficult situation and allegedly accused his supervisors of trying to alter the verdict in a criminal case he was hearing.

The foundation recounted the background of the legal case, which was elaborated in the 25-page document.

The case involved five defendants accused of committing a murder on June 11 in Yala province. 

One suspected criminal was arrested during martial law, which led to more arrests. Five suspects were eventually charged with the murder. The interrogation was done under special law before the case was transferred to normal justice procedure. Judge Khanakorn found the evidence weak against the defendants and wrote his verdict acquitting them of the crime. However, the judge’s supervisors reportedly intervened and ordered him to rewrite the verdict handing the death penalty to three defendants and life sentence to the other two.

The foundation believed that this series of events had led Khanakorn to attempt to kill himself.

It is widely believed that the 25-page document was written by Khanakorn. Court of Justice spokesman Suriya Hongwilai said on Friday that a preliminary enquiry revealed personal stress was the reason behind Khanakorn’s suicide attempt but the court would investigate further.

The Cross-Cultural Foundation said as it has supported the judicial process in the southern region for more than 15 years and the foundation found the 25-page statement important even though it was a one-sided narrative. The document needs to be examined further in order to find the truth for the public.

The foundation demanded three actions from the Court of Justice.

First, every person suspected of being involved in Khanakorn’s predicament must be transferred out of their posts in order to ensure a fair investigation and the designated inquiry team should also include outsiders.

The foundation called for an investigation into alleged special power which had led to the unfair trial of the suspects in the deep South as cited by Khanakorn.

The foundation stated that this was an important cae and it it would test the credibility of the Court of Justice. The court needed to look into alleged unfair trials in order to improve the process. The judicial body could not just dismiss the incident as a personal issue of the judge and leave people in frustration. The stakes are high as it could affect people’s trust in the justice system, the foundation added.

 

Meanwhile the Office of the Judiciary secretary-general, Sawawut Benjakul, visited Khanakorn at the hospital and said the judge was safe now and he could even converse. But Sarawut did not ask him about Friday’s incident. Sarawut reiterated the independence of the Court of Justice and that judges could make judgements without interference from anybody. He said the Judicial Commission would meet on Monday to look into this incident.

Many netizens expressed their support for Khanakorn while some blamed his action as driven by political motive, with the debate and hate speech on social media showing a very politically divided society.

Source: The Nation

Counter Widget